2554-03-28

สวยด้วยวิธีกล้วยๆ

กล้วยถือเป็นผลไม้ไทยที่หาค่อนข้างง่ายทีเดียว นอกจากรสชาติถูกปากหลายๆคนแล้วกล้วยยังอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด ถือเป็นอาหารบำรุงผิวชั้นเยี่ยมเลยละค่ะ นอกจากนี้วิตามินบีในกล้วยยังช่วยบรรเทาอาการผมร่วงได้ด้วย และสารอาหารในกล้วยยังช่วยชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติได้อีกด้วยค่ะ
วันนี้ดิฉันมีสูตรดูแลผิวหน้าด้วยกล้วยมาบอกคุณถึง 3 วิธีด้วยกันค่ะ รับรองว่าง่ายเหมือนชื่อจริงๆค่ะ ไปดูทั้ง 3 วิธีกันเลยค่ะ 


วิธีที่ 1
พอกหน้าด้วยกล้วยหอมหรือกล้ายน้ำว้าบดผสมน้ำผึ้ง 15 นาที จะช่วยให้ผิวคุณนุ่มชุ่มชื้น ไร้ริ้วรอย
วิธีที่ 2
ใช้กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าบดผสมดินสอพอง พอกหน้าไว้ประมาณ 15นาทีจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าหมดจดและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสขึ้นค่ะ
วิธีที่ 3
กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าบดผสมนมสดประมาณ 1ช้อนชา พอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้ผิวหน้าของคุณกระชับและเติ่งตึงดูอ่อนกว่าวัยค่ะ

เป็นไงบ้างค่ะนอกจากรสชาติจะอร่อยแล้วกล้วยยังมีสรรพคุณเยอะแยะมากมายอีกด้วย สวยด้วยวิธีกล้วยๆ จริงๆค่ะ อย่าลืมลองนำไปใช้กันนะค่ะ  

ขจัดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม

ให้คุณนวดบริเวณที่เป็นผิวเปลือกส้มด้วยน้ำมันนวดผสมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบ อาจจะเป็นลาเวนเดอร์ , โรสแมรี่, เจอราเนี่ยม ฯลฯ แล้วแต่ความชื่นชอบของคุณเลยค่ะ ให้คุณนวดวันละ 2 ครั้งเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด    
ใส่น้ำมันหอมระเหยที่คุณเลือกสัก 2-3 หยด ลงในอ่างอาบน้ำ ถูนวดตัวด้วยฟองน้ำหรือบวบเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด น้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ผิวคุณเรียบเนียนนอกจากนี้ยังช่วยให้คุณผ่อนคลายจากความเครียดด้วยละค่ะ

โทนเนอร์ดอกกุหลาบทำเองสำหรับคนผิวแห้ง

           ถ้าจะพูดถึงผู้หญิงก็ต้องนึกถึงดอกไม้ ดิฉันเลยหาสูตรดูแลผิวด้วยดอกไม้ที่สาวๆ หลายๆ คนชื่นชอบกัน นั้นก็คือดอกกุหลาบค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรโทนเนอร์ทำเองง่ายๆ มาฝากคนที่มีผิวค่อนข้างแห้งกันค่ะ ส่วนผสมมีแค่กลีบดอกกุหลาบ 1 ดอกและนมสด 150 มิลลิลิตรเท่านั้นค่ะ  วิธีทำก็ไม่ยาก  ให้คุณเด็ดกลีบกุหลาบออกแล้วล้างให้สะอาด แล้วน้ำไปต้มในน้ำเปล่าในปริมาณเล็กน้อยค่ะ  หลังจากต้มกลีบกุหลาบแล้ว ให้คุณนำนมสดไปเคี่ยวจนเกือบเดือดแล้วราดลงไปในหม้อกุหลาบ ปิดฝาแล้วทิ้งไว้สักพัก รอให้น้ำส่วนผสมบางส่วนระเหย  ปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นให้คุณกรองส่วนผสมนั้นใส่ขวดแก้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว แค่นี้คุณก็ได้โทนเนอร์กุหลาบฝีมือคุณแล้วค่ะ นมจะช่วยดูแลผิวคุณให้อ่อนนุ่มชุ่มชื่น ส่วนกุหลาบมีคุณสมบัติช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดและที่สำคัญผิวคุณจะสวยเนียบอมชมพูดูมีสุขภาพดีด้วยค่ะ

วิธีทำให้สดชื่นหลังตื่นนอน

1.  เริ่มด้วยการดื่มแก้วใหญ่ๆ สัก 1 แก้ว อาจจะเป็นน้ำเปล่าหรือเป็นน้ำผลไม้สดก็ได้ค่ะ การดื่มน้ำนั้น เป็นการเติมน้ำให้กับร่างกาย หลังจากร่างกายของเราพักผ่อนมาทั้งคืน ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ก็ช่วยระบบขับถ่ายอีกด้วยนะคะ

2.  ยืดเส้นยืดสาย คลายกล้ามเนื้อส่วนต่าง  ภายในร่างกายสัก 5-10 นาที วิธีการนี้จะเหมือนกับการบิดขี้เกียจค่ะ เน้นการยืดในส่วนที่ต้อง ใช้บ่อย  ในการทำงาน 

3. 
การเปลี่ยนเครื่องดื่ม เลิกดื่มกาแฟแล้วหันมาดื่มชาขิง เพื่อช่วยการไหล เวียนของเลือด ทำให้ร่างกายอบอุ่น อีกทั้งช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ ดีขึ้น  หรือจะเป็นน้ำผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามินซึ่งช่วยระบบขับถ่ายและช่วยในเรื่องของผิวพันธ์ก็ได้ค่ะ

4. การรับประทานธัญพืช และอาหารที่มีโปรตีนบ้างในมื้อเช้า ลดอาหารจำพวก แป้ง การรับประทานอาหารในช่วงเช้านั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการเตรียม พร้อมให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวันค่ะ 

ลองนำไปใช้ดูนะคะ เพราะการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยร่างกายที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าจะช่วยให้กิจกรรมที่คุณต้องทำตลอดทั้งวันมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

ทารองพื้นอย่างไรให้หน้าเนียนใสเป็นธรรมชาติ

คุณเคยทราบหรือไม่ว่าการทารองพื้นที่ถูกต้องนั้นทำอย่างไร?  ถ้ายังไม่รู้ละก็ดิฉันมีวิธีทางรองพื้นแบบถูกวิธีมาบอกให้ค่ะ
ก่อนอื่นให้คุณกันเส้นผมจากใบหน้า อย่าให้ตกลงมาตรงหน้าผาก
หลังจากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าและลำคอ
 และทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ รอ 5 นาทีให้เนื้อครีมซึมสู่ผิว
ถ้าคุณใช้รองพื้นแบบแป้งเค้ก ให้เอาฟองน้ำชุบน้ำพอหมาด (ความเข้มข้นของเนื้อแป้งขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในฟองน้ำ)
ให้คุณใช้ฟองน้ำแตะเนื้อแป้งลงตามบริเวณใหญ่ ๆ (แก้ม/หน้าผาก/คาง) แล้วค่อย ๆ เกลี่ยแป้งให้เสมอกัน จนถึงลำคอ ถ้าใช้รองพื้นแบบครีม ให้ใช้นิ้วมือ เกลี่ยให้เรียบเบาๆ โดยเกลี่ยวนเป็นวงจากตรงกลางจนทั่วใบหน้า  
มีข้อแนะนำอีกนิดนึงค่ะคือ แป้งที่ใช้ควรเป็นชนิดใส ไม่มีสีเพื่อให้กลมกลืนกับรองพื้นเพราะการ ใช้แป้งที่มีสีเติมลงไปอีก จะไปบิดเบือนสีผิวจริงและทำให้ดูหลอก เพียงแค่นี้น่าคุณก็ดูสวยใสไม่หลอกตาแล้วละค่ะ ลองนำไปใช้กันดูนะค่ะ

2554-03-27

กรีดอายเลเนอร์แบบโปร

Tips ง่ายๆ กรีดอายไลเนอร์ยังไงให้สวยเฉี่ยว

1. สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งหัดเขียนอายไลเนอร์และมือยังใหม่ไม่นิ่งพอ เวลาเขียนควรให้ปลายคางทำมุม 45 องศา กับกระจกจะทำให้เขียนง่ายขึ้นค่ะ
2. เวลาเขียนเราอาจจะเริ่มจากปลายตาหรือหางตาก่อนก็ได้ โดยมีเทคนิคในการเขียนคือ ให้ทำเส้นประที่ขอบตามทีละนิด ๆ โดยเขียนให้เสมอเส้นประนั้นเชื่อมกัน พอมาถึงตรงหางตาก็กรีดอายไลเนอร์ทำองศากับปลายจมูกค่ะ
3. ถ้าต้องการให้อายไลเนอร์ดูหนามากขึ้น ก็เพิ่มเส้นประให้หนาขึ้นอีกชั้นน โดยอาจจะเลือกเขียนเป็นอายไลเนอร์สีสด ๆ เพิ่มความเปรี้ยงจี๊ดให้กับดวงตาของเราเก๋กู้ด เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชอบความเปรี้ยวเฉี่ยวเก๋ไม่เหมือนใครค่ะ
4. ระหว่างที่เขียนเส้นขอบตาไม่ควรลืมตาจนกว่าอายไลเนอร์ที่เขียนอยู่จะแห้งสนิทค่ะ แค่นี้ก็จะได้เส้นขอบตาที่คมกริบเนี้ยบสวยแบบง่าย ๆ แล้วล่ะค่ะ

Hot Tip
:: อาย ไลเนอร์ที่เหมาะกับสาวเอเชีย คือ สีดำ สีเทา สีน้ำตาล เพราะจะทำให้ตาของเราดูสว่างขึ้น และถ้าอยากให้ดูเปรี้ยงขึ้นก็อาจจะเลือกให้สีแนวล้ำสมัยอย่าง สีน้ำเงิน หรือสีเขียว ก็ได้ค่ะ
:: ควรเลือกเขียนอายไลเนอร์จากด้านที่ไม่ถนัดก่อน เรายังสามารถปรับข้างที่ถนัดให้ดูเท่ากับข้างที่ไม่ถนัดได้
:: ควรลงอายแชโดว์ก่อนเขียนอายไลเนอร์
:: พู่กันที่ใช้ทาอายไลเนอร์ ต้องเลือกแบบที่ขนชิดกันไม่แตกออก ต้องแนบรวมกันเป็นเส้นเดียว ขนแปรงต้องนุ่ม และหัวแปรงไม่หนามากจนเกินไปค่ะ
:: ถ้าจะเขียนขอบตาล่าง แนะนำให้ใช้อายไลเนอร์ชนิดครีม ดินสอเขียนขอบตา หรือแบบเจลค่ะ

ควรดื่มน้ำตอนไหนบ้างมาดูกัน

ถ้าพูดจะถึงการดื่มน้ำนอกจากจะทําให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังทําให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายของคุณทํางานได้ดีอีกด้วย ในทุกๆ วันร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่ายตลอดเวลาค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไปค่ะ
โดยปกติเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะเฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ลิตร และอีกเกือบถึง 1 ลิตรจากการหายใจและเหงื่อค่ะ ซึ่งถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือประมาณ 8 แก้ว ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้ค่ะ แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแล้ว ถ้าเป็นหนุ่มๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร หรือประมาณ 13 แก้วต่อวันค่ะ ส่วนสาวๆ วันละ 2.2 ลิตร หรือประมาณ 9 แก้วต่อวันค่ะ แต่สาวๆคนไหนที่เป็นสปอตเกิร์ลละก็ คุณต้องดื่มน้ำให้เยอะกว่าคนปกติค่ะ ถ้าเป็นการออกกำลังกายในระยะเวลาสั้นๆ ควรดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปครั้งละ 1-2 แก้วหลังจากเสร็จกิจกรรมค่ะ ถ้าเป็นช่วงยาวๆ ควรเพิ่มอีกสัก 2-3 แก้วก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
ดื่มตอนไหน เวิร์คสุดๆ
ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
9:00-10:00 โมงเช้า 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มมีของเสียค่ะ เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไปค่ะ
13:00-14:00 น. 3 แก้ว
19:00-20:00 น. 3 แก้ว
สุดท้ายก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้นค่ะ
นอกจากนี้คุณควรดื่มน้ำให้ถูกวิธีด้วยนะค่ะ เช่น อย่าดื่มน้ำเมื่อหิว แต่ให้หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ  ให้น้ำค่อยๆ  ซึมเข้าร่างกาย และอย่าดื่มน้ำพรวดเดียวจนมากเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักในการขับปัสสาวะออก ที่สำคัญควรดื่มน้ำก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังทานอาหารใหม่ๆ อย่าเพิ่งดื่มน้ำมากนักค่ะ ควรเว้นระยะเวลาประมาณ 40 นาทีจึงจะดื่มน้ำได้ตามปกติค่ะ  เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้มข้นพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญควรลด ควรหลีกเลี่ยง น้ำเย็น น้ำอัดลม  สุรา เบียร์ ด้วยนะค่ะ
สุขภาพที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรงจะอยู่คู่กับคุณไปอีกนาน หากคุณรู้จักดูแลตัวเองในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การ ดื่มน้ำที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เราลดความหิว กระหาย แต่ยังให้ความสดชื่นและช่วยบำบัดโรคต่างๆ ได้อีกด้วยนะคะ ยังไงก็ลองเอาเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการดื่มน้ำไปใช้กันดูนะคะ

ผ่อนคลายด้วยลาเวนเดอร์

ดิฉันมีวิธีผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์มาให้คุณ ที่อาจจะกำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ผ่อนคลายกันค่ะ  กลิ่นของลาเวนเดอร์จะช่วยบรรเทาอาการเครียด อาการปวดหัว นอนไม่หลับ คลายกังวนและอ่อนเพลีย
วิธีทำ
    ใช้ขวดที่มีหัวสเปรย์  ใส่น้ำเย็นลงไป 6-8 ช้อนโต๊ะ จากนั้นให้คุณเติมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ 2-4 หลดและเขย่า หลับตาแล้วฉีดพรมเบาๆ ที่ใบหน้า  สูดลมหายใจเข้าและออกลึกๆ  ช้าๆ  รวบรวมสมาธิให้กับงานตรงหน้า คุณจะรู้สึกผ่อนคลายด้วยวิธีนี้ค่ะ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ

ดวงตาอ่อนล้า


คุณเคยรู้สึกไหมเวลาที่คุณทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อ่านหนังสือหรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน แล้วรู้สึกว่าดวงตากำลังอ่อนล้า  วันนี้ดิฉันมีวิธีเพิ่มความสดใสให้ดวงตามาบอกค่ะ

วิธีทำให้ดวงตาสดใส
- สวมแว่นกันแดด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกจากการสะสมของอัลตราไวโอเลต

- พักดวงตา โดยใช้ฝ่ามือปิดตานานอย่างน้อยหนึ่งนาทีทำซ้ำวันละ 4 ครั้ง
- คืนความสดชื่นให้ดวงตาด้วย การฉีดพรมน้ำอุ่น
ที่เปลือกตา 20 ครั้ง ตามด้วยน้ำเย็นอีก 20 ครั้ง
- ลองกินบิลเบอร์รีสกัด ช่วยชะลอโรคต้อกระจก
ถ้าตอนนี้คุณกำลังรู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้าอยู่ละก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้นะคะ

หลับสบายด้วยกีวี

 มีการวิจัยออกมาว่าการทานกีวีก่อนนอนวันละ 2 ผล จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น คนที่ทำการทดลองยังบอกอีกว่านอกจากนอนหลับสบายขึ้นแล้วยังช่วยไม่ให้ตื่น ระหว่างการนอนหลับอีกด้วยค่ะ  นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการทานกีวีด้วยว่าถ้าหากใครไม่สะดวกในการปอก กีวี ให้ใช้วิธีผาเป็น 2 ซีก แล้วใช้ช้อนตักทาน

นวดหน้าด้วยน้ำผึ้ง

วันนี้ดิฉันมีสูตรดูแลผิวหน้าให้ ใส นุ่มนวลชุ่มชื่น มาฝากอีกแล้วละค่ะ  สูตรนี้มีส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่างค่ะ  แต่ผลที่ได้ออกมารับรองเจิดค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่า


ส่วนผสม
น้ำผึ้งบริสุทธิ์   1 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว       10 หยด
แตงกวาฝานบางๆ      1 ลูก


วิธีทำ
ให้คุณนำนำผึ้งและน้ำมะนาวที่เตรียมไว้มาผสมกัน  และนวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที  ครบ 15 นาทีแล้วให้คุณใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าเบาๆ  หลังจากนั้นให้เอาแตงกวาฝานมาวางไว้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้สักพักคุณจะรู้สึกเย็นชุ่มชื่นจากแตงกวาค่ะ  

2554-03-26

สมาธิบำบัด

สมาธิบำบัดถือเป็นศิลปะในการทำจิตใจให้สงบอย่างหนึ่ง การฝึกสมาธิเป็นวิธีการปลอดปล่อยความเครียด  ทำให้ผ่อนคลายลงการบำบัดแบบโยคะก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการฝึกสมาธิ คนเอเชียนิยมฝึกนั่งสมาธิกัน โดยในพระพุทธศาสนามีการทำสมาธิแบบกำหนดลมหายใจ เรียกว่าอานาปานสติ
นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบว่าสมาธิมีผลต่อการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ และความดันเลือดด้วยละค่ะ  มาดูประโยชน์ของสมาธิกันค่ะ
- ทำให้ใจเย็น เผชิญเหตุการณ์เฉพาะหน้าและแก้ไข้ปัญหานั้นได้อย่างมีสติ
- ช่วยทำให้ความจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
- ส่งผลดีโดยตรงด้านสุขภาพ เช่น รักษาโรคไมเกรน นอนไม่หลับ ความดัน เป็นต้นค่ะ

เมื่อทราบประโยชน์ของการทำสมาธิกันแล้วก็อย่าลืมทำสมาธิกันเยอะๆ นะค่ะ เพื่อตัวคุณเองค่ะ นี่คงเป็นวิธีนึงที่ช่วยทำให้คุณดูสวยมาจากข้างในค่ะ

2554-03-25

อาบน้ำสูตรคลีโอพัตรา

หลังจากเหนื่อยล้าจากการทำงานแล้ว ก็มาให้รางวัลตัวเองกันด้วยการอาบน้ำด้วยสูตรไฮโซๆ แต่ง๊ายยง่าย กันดีกว่าค่ะ  ทำไมถึงไฮโซก็แหม...สูตรนี้เป็นสูตรของคลีโอพัตตราเชียวหนะ แถมยังมีเรื่องกล่าวขานกันว่าเป็นสูตรที่คลีโอพัตตราโปรดปรานด้วยนะค่ะ  ว่าแล้วก็ไปดูขั้นตอนกันเลยดีกว่า ขอบอกว่าง๊ายง่ายค่ะ..
1 เทน้ำอุ่นลงในอ่างอาบน้ำ
2 เติมนม ประมาณ 1 ลิตร ลงในอ่าง(นมผง 1 ปอนด์)
3 สร้างบรรยากาศด้วยการเปิดไฟสลัวๆ และจุดเทียนไข หรือถ้าจะให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้นดิฉันแนะนำเทียนหอมเลยค่ะ อ่ะ!เพิ่มบรรยากาศอีกสักนิดด้วยการเปิดเพลลงคลอเบาๆ เพื่อกล่อมอารมณ์
4 โปรยกลีบกุหลาบลงในน้ำเพิ่มสีสันและกลิ่นหอม
5 ปล่อยตัวจมลงไป สูดลมหายใจลึกๆ อย่างผ่อนคลายขณะแช่ในน้ำ

สูตรนี้จะช่วยให้คุณมีผิวที่เนียนและนุ่ม จากกรดแล็กติกในนม และยังรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นเทียนหอมและกลิ่นกุหลาบด้วยค่ะ    อย่าลืมนำสูตรนี้ไปให้รางวัลตัวเองกันนะค่ะ

ลดสิวด้วยสตรอเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าค่อนข้างมันค่ะ  อุดมไปด้วยวิตามิน มีกรดอ่อนๆ ช่วยสมานผิว ช่วยลดจุดด่างดำ กระชับรูขุมขน ช่วยปรับสภาพผิวนอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทำให้ไม่แก่ก่อนวัยด้วยละค่ะ พร้อมแล้วก็ไปดูสูตรปราบสิวกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
สตรอเบอร์รี่           7-8 ลูก
น้ำผึ้ง                      1 ช้อนโต๊ะ
นมผงขาดมันเนย   (หางนม) เล็กน้อย

วิธีทำ   ล้างสตรอเบอร์รี่ให้สะอาดแล้วบดให้ละเอียดใส่น้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน หากส่วนผสมเหลวเกินไปให้เติมนมขาดมันเนยทีละน้อย ค่อยๆ คนให้ส่วนผสมเข้าข้นพอที่จะพอกหน้าได้ หลังจากนั้นให้คุณล้างหน้าให้สะอาด พอกส่วนผสมให้ทั่วใบหน้า เว้นขอบตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งทาหน้าด้วยน้ำยาสมานผิว แล้วทาครีมบำรุงผิวตามปกติได้เลยค่ะ

สูตรบำรุงผิวด้วยผลไม้

กรดในผลไม้จากธรรมชาตืเป็นสารอาหารที่ดีมากสำหรับผิวคนเราค่ะ กรดผลไม้ช่วยทำความสะอาดและสมานผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวบนใบหน้าของคุณดูนุ่ม และดูสดใสขึ้นค่ะ ดิฉันมีเคล็ดลับ AHA ธรรมาชาติบำรุงผิวหน้ามาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกแล้วค่ะ พร้อมแล้ว ไปดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
ข้าวโอ๊ตบดหยาบๆ                               2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดแอลมอนด์บดละเอียด                   1 ช้อนโต๊ะ
น้ำแอ๊ปเปิ้ลสด                                       2 ช้อนชา
น้ำองุ่นสด                            2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสับปะรดสด                       1 ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ต รสธรรมชาติ                 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำชาเขียว                                             2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ    ผสมข้าวโอ๊ต เม็ดแอลมอนด์ น้ำผสมไม้และโยเกิร์ต คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันค่อยๆรินน้ำชาเขียวใส่ทีละน้อยจนขนพอที่จะสามารถนำมาทาหน้าได้ 
                จากนั้นให้คุณล้างหน้าให้สะอาด ใช้ส่วนผสมทั้งหมดที่ผสมไว้ค่อยๆนวดที่หน้าเบาๆ เป็นวงกลมจากล่างขึ้นบน โดยเว้นบริเวณขอบตาและริมฝีปาก  ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  ทำแบบนี้ซ้ำๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง  คุณสามารถเก็บส่วนผสมนี้ไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ   เท่านี้หน้าคุณก็นุ่มสวยเนียนและใสเปล่งปลั่งได้และละค่ะ

คอนดิชั่นเนอร์โปรตีนไข่คุณก็ทำได้

คราวที่แล้วดิฉันได้บอกอาหารบำรุงเส้นผมไปแล้ว วันนี้ดิฉันเลยสูตรหมักผมด้วยโปรตีนไข่มาฝากคุณสาวๆ กันค่ะ ส่วนผสมมีอยู่แค่ 3 อย่าง วิธีการก็ง่ายแสนง่ายลองทำกันดูนะค่ะ ..
ส่วนผสม
ไข่แดง
น้ำมันมะกอก
น้ำอุ่น
วิธีทำ  ตีไข่ให้แตกจกฟูจากนั้นใส่น้ำมันมะกอกลงไปตีให้เข้ากันแล้วใส่น้ำอุ่นตามตีให้เข้ากันอีกครั้ง  หลังจากนั้นก็สระผมเลยค่ะ สระผมเพื่อล้างสิ่งสกปรกออก  แล้วชโลมครีมนวดที่เราทำไว้เมื่อกี้ชโลมให้ทั่วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น   และสระอีกครั้ง   เพียงเท่านี้ผมคุณก็นุ่มสวยมีน้ำหนักแล้วละค่ะ    สำหรับสาวๆบางคนที่มีผมแตกปลายด้วยคุณสามารถใส่น้ำผึ้งผสมไปได้ด้วยค่ะ แต่อาจจะใช้เวลาในการหมักนานขึ้นค่ะ

2554-03-16

อาหารบำรุงเส้นผม

 ผมที่เป็นประกายเงางาม มีน้ำหนัก อยู่ทรง แข็งแรงตลอดเส้นไม่หักขาดแตกปลาย เป็นผลิตผลมาจากได้สารอาหารบำรุงที่พอเพียงเหมาะสม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดี
เส้น ผมเป็นส่วน ประกอบของร่างกายที่คนเราหวงแหนและให้ความใส่ใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ที่แน่ๆ เส้นผมยังเหมือนเป็นอาภรณ์ธรรมชาติของร่างกายที่มีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์หน้า ตาของคน เรามากที่สุดด้วย ดังนั้นเส้นผมจึงมักจะถูกจับปรับแต่งอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะดัด ย้อม โกรก ซอย กัดสี อบ เป่า สารพัด เพื่อให้ได้ทรงใหม่ๆ เสริมความแปลกตาให้กับใบหน้า และเมื่อเส้นผมได้รับการปรุงแต่งอยู่เรื่อยๆ เส้นผมที่เคยดีก็ถึงกาลเสียสภาพ เพราะถูกสารเคมีต่างๆ ทำลายอยู่เรื่อยๆ
สารอาหารจำเป็นที่เส้นผม ต้องการ ได้แก่
  • 1. อาหารโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ธัญพืช นมพร่องมันเนย ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เหมาะสำหรับเส้นผมที่อ่อนแอ และคนที่ผมงอกช้า
  • 2. อาหารแคลเซียมสูง เช่น อาหารทะเล สาหร่าย นม กระดูกอ่อน กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย ช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา
  • 3.วิตามินเอ บำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ได้จากส้ม มะเขือเทศ แครอท ผักโขม
  • บรอกโคลี่ มันฝรั่ง มะละกอ แคนตาลูป ผัก ผลไม้สีเหลือง แดงทั้งหลาย เป็นต้น
  • 4. วิตามิน บี ช่วยขับน้ำมันธรรมชาติหล่อเลี้ยงทำให้เส้นผมมีความชุ่มชื่นไม่แห้งกรอบ มีมากในอาหารประเภท ซีเรียล ตับ ปลา ไข่ มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ และกล้วย ฯลฯ
  • 5. วิตามินซี ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์รากผมได้มี
  • ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วิตามินซีมีมาก ในผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลาย เช่น มะม่วงดิบ ฝรั่ง มะขาม ส้ม สตรอเบอร์รี่ ผักใบเขียวต่างๆ
6. ทางที่ดีที่สุดในการที่เส้นผมของ คุณดูเป็นประกายเงางาม คือคุณต้องได้รับวิตามินอีที่พอ เพียง ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง ถั่ว เกาลัด พืชเมล็ดเปลือกแข็ง จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี แร่ธาตุจำเป็นต่างๆ ที่สำคัญต่อระบบการทำงานและโครงสร้างของเส้นผม เพื่อสุขภาพผมที่แข็งแรง…
  • สังกะสี ได้แก่ อาหารประเภทสัตว์ปีก ถั่วทุกชนิด น้ำมันพืช น้ำมันงา จมูกข้าวสาลี
  • ทองแดง ในถั่วเมล็ดแห้ง อาหารทะเล ธัญพืช ลูกพรุน
  • เหล็ก ในตับ ไข่แดง ข้างโอ้ต ผลไม้แห้ง ผลไม้แห้ง เนื้อแดง
  • ไอโอดีน ในอาหารทะเล สาหร่าย
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง.. .เพื่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
การ ที่เส้นผมจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เจ้าของเส้นผมต้องรับประทานอาหารให้ครบหมู่ และมีความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงอาหารที่จะส่งผลเสียกับเส้นผมด้วยได้แก่
  • อาหารประเภทที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อติดมัน เนย กะทิ อาหารทอด น้ำมันหมู ช็อคโกแลต เพราะจะทำให้หนังศีรษะมีน้ำมันส่วนเกินออกมากเกินไป จนอาจจะทำให้ผมมัน และหลุดร่วงง่าย และอาจเกิดสิวขึ้นบนหนังศีรษะได้ด้วย ยิ่งเมื่อโดนฝุ่นควันมากๆ มาเกาะกับเส้นผมก็ยิ่งทำให้สกปรก และเกิดการอักเสบขึ้นได้
  • แอลกอฮอล์ เพราะจะขัดขวางการดูดซึมอาหารในร่างกาย หรือถ้าดื่มมากๆ ก็จะทำให้ไม่อยากอาหาร เมื่อรับประทานอาหารไม่ลงก็ทำให้ขาดสารอาหาร เส้นผมก็ขาดสารอาหารไปด้วย
อาหารบำรุงผม 5 ชนิด คือ แซลมอน ผักสีเขียว ถั่วเปลือกแข็ง ไข่ โฮลเกรน ซึ่งอุดมด้วย อัลฟ่า-ไลโนเลนิก โอเมกา-3 ธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินบี 12 ช่วยให้สภาพผมของกลุ่มทดลอง 100 คนที่กินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี มีปัญหาผมหงอก แตกปลาย และผมแห้ง น้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพื่อ เส้นผมสวยสมบูรณ์แข็งแรง อย่าลืมดูแลทั้งจากภายในสู่ภายนอก เพราะเส้นผมเป็นสมบัติส่วนตัวที่ต้องการการบำรุงและหวงแหนเอาไว้ให้ดีๆ ค่ะ

2554-03-09

ควรทำอย่างไรเมื่อต้องอดนอน

1. เวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ซึ่งทำให้เกิดความเครียดควรทานข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า


2.ถึงกลางคืนจำเป็นต้องเติมพลังงานให้กับตัวเอง เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้นจะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์

3.ควรนอนทันทีหลังจากเสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี

4..ไม่ควรแก้ง่วงด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก

5.ตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินดังที่ได้กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ