2554-04-12

อาหารทำที่ให้คุณแก่เร็วขึ้น

จากบทความที่แล้วดิฉันได้บอกถึงสาเหตุที่ทำให้คุณแก่ขึ้นรวมไปถึงวิธีชะลอความแก่ไปแล้ว (ใครที่ยังไม่ได้อ่านละก็อย่าลืมลงไปอ่านนะคะ) คราวนี้ดิฉันจึงอยากพูดถึงสิ่งที่ทำให้คุณแก่เร็วขึ้นกันบ้าง เมื่อรู้วิธีชะลอแล้วสิ่งที่คุณควรทำต่อจากนั่นคือ การหลีกเลี่ยงอาหารที่สามารถทำให้คุณกลับไปแก่เหมือนเดิมหรือแก่เร็วขึ้นกว่าเดิมคะ ไปดูกันเลยค่ะว่ามีอาหารประเภทไหนและมีอะไรบ้างที่คุณควรหลีกเลี่ยง
1.    อาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว และโปรตีนสูง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ผลิตภัณฑ์จากนม ฯลฯ อาหารเหล่านี้จะทำให้ไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ยังทำให้ หัวใจ กระเพาะ และลำไส้ทำงานหนักและเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วยค่ะ
2.    อาหารสำเร็จรูป อาหารประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีสารเคมีที่ใช้ถนอมอาหารเจือปน เช่น สารกันบูด สารกันรา ผงชูรส สีผสมอาหาร เป็นต้น ซึ่งควรหลีกเลี่ยงค่ะ
3.    น้ำตาล ควรทานน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพราะเมื่อคุณอายุมากขึ้นร่างกายจะทำงานหนักมากขึ้นในการกำจัดน้ำตาลส่วนเกิน ซึ่งถ้าเป็นเวลานานเกินไปอาจจะทำให้คุณเป็นโรคเบาหวานได้
4.    คาเฟอีน การดื่มคาเฟอีนจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง โยเฉพาะในวัยที่หมดประจำเดือน ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการแคลเซียมสูงสะด้วยคะ
เป็นไงบ้างละคะ ได้ทราบทั้งวิธีชะลอและวิธีหลีกเลี่ยงกันแล้ว สาวๆ คนไหนชอบทานอาหารที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นละก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินกันนะคะ อาหารที่ดิฉันกล่าวมาทั้งหมดทั้งวิธีชะลอและหลีกเลี่ยง ถ้าคุณปรับเปลี่ยนได้ละก็นอกจากจะมีสุขภาพที่ดีแล้วยังช่วยให้ผิวพันธ์ของคุณดูสวยใส่เปล่งปลั่งสวยจากข้างในด้วยค่ะ

2554-04-10

อาหารชะลอความแก่

ถ้าพูดถึงศัตรูตัวฉกาจของผู้หญิงละก็ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยเหี่ยวย่นหรือความชรานั่นเองค่ะ วันนี้ดิฉันเลยชวนคุณมารู้จักวิธีชะลอความแก่กันค่ะ ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าต้นตอของความแก่มาจากอะไรบ้าง
ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์จำนวนหลายล้านล้านเซลล์ แต่ละเซลล์จะมีอายุไม่เท่ากัน เมื่อเซลล์หมดอายุลง ก็จะมีเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่เซลล์ที่ขึ้นมาใหม่จะมาพร้อมกับความเสื่อมเป็นต้นเหตุให้เราดูแก่ขึ้นนั่นเองค่ะ
คราวนี้มาดูกันคะว่าทำไมเซลล์ที่เกิดมาใหม่ มีหน้าหน้าตาเหมือนเดิมเด้ะแต่ประสิทธิภาพไม่เหมือนเดิม
ขออธิบายสั้นๆนะคะ เซลล์ในร่างกายของเราจะประกอบไปด้วย 3 หลักใหญ่ คือ ผนังเซลล์ ของเหลวภายในเซลล์ และนิวเคลียส ภายในนิวเคลียสจะมีโปรตีน 2 ชนิด คือ DNA และ RNA ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของนิวเคลียส เมื่อมีเซลล์ตาย DNA จะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทน ถ้า DNA และ RNA ทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องคุณก็จะไม่แก่ แต่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายเราก็มีศัตรูตัวฉกาจที่มีชื่อว่า อนุมูลอิสระ  ที่คอยปล่อยประจุต่างๆ ใส่ผนังเซลล์ , DNA และ RNA ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์เสื่อมลงเรื่อยๆ และนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้คุณแก่ขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปค่ะ
ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณแก่ขึ้น แล้วจะทำอย่างไรให้ทั้ง DNA และ RNA ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ นั่นก็คือเราต้องกำจัดเจ้าอนุมูลอิสระออกจากร่างกายเราค่ะ
ซึ่งทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการดูแลปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นค่ะ ไปดูกันคะว่ามีอะไรบ้างที่ช่วยชะลอความแก่ให้สาวๆอย่างเราได้บ้าง
เริ่มจากอาหารที่มี DNA และ RNA กันก่อนค่ะ ได้แก่อาหารจำพวก ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต จมูกข้าว อาหารที่มียีนส์ เห็ดทุกชนิด ปลาทะเล และเพื่อเพิ่มเอนไซม์ให้ร่างกาย คุณควรทานผลไม้สดอย่างน้อยวันละ 3 ชนิด และผักสดให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ชนิดยิ่งดี เพราะเอนไซม์ที่ได้จากผักและผลไม้จะช่วยซ่อมแซม DNA ที่ถูกอนุมูลอิสระทำลาย 
ดิฉันจะสรุปคร่าวๆ ให้ดูว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยต่อต้านเจ้าอนุมูลอิสระได้อีก
วิตามินซี พบมากในฝรั่ง ส้ม มะนาว แอปเปิ้ล ฯลฯ
วิตามินอี พบมากในพืชน้ำมันทุกชนิด เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย ฯลฯ
วิตามินคิว พบมากในปลาซาดีนและอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ถั่วลิสง ฯลฯ
ซีลีเนียม พบมากในบล็อกโคลี เห็ด กระหล่ำ หอม แตงกว่า กระเทียม ฯลฯ
ฟาโวนอยด์ พบมากในต้นหอม บล็อกโคลี องุ่น ฯลฯ
เบต้าแคโรทีน พบมากในพืชที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท มะละกอ ฯลฯ

จากอาหารทั้งหมดที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะมีผักผลไม้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ควรระวังในเรื่องของสารเคมีในผักผลไม้ให้มากๆนะคะ  ผักและผลไม้ที่ปลอดจากสารเคมีจะมีประโยชน์กับร่างกายมากเลยละคะ  ตอนนี้คุณได้รู้ถึงที่มาและการชะลอความแก่ไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ยังมีอาหารหลายๆ ประเภทที่ทำให้คุณแก่เร็วขึ้น ดิฉันจะพูดถึงอาหารที่ทำให้คุณแก่เร็วขึ้นในบทความหน้าคะ อย่าพลาดนะคะ เพราะบางทีคุณอาจจะเผลอทำตัวเองแก่เร็วขึ้นไปหลายครั้งแล้วก็ได้..

อาหารที่ไม่ควรทานยามท้องว่าง

คุณเคยรู้หรือไม่ว่าอาหารหลายๆ อย่างที่เราทานหรือดื่มไปขณะท้องว่างมีผลทำให้เราเกิดอาการผิดปกติในร่างกายได้ ทั้งๆที่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ นั่นก็เพราะว่าสารอาหารบางอย่างจะทำปฏิกิริยากับน้ำย่อยในกระเพาะ จนทำให้เรามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย จุกเสียด คลื่นไส้ ฯลฯ
มาดูกันค่ะว่าอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยนช์อะไรบ้างที่เราไม่ควรทานในขณะที่ท้องว่าง
นมและถั่วเหลือง
นมและถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีน แต่หากคุณดื่มในขณะท้องว่าง กระเพาะจะทำงานหนักขึ้นเพราะต้องย่อยสารอาหารในนม จะทำให้คุณมีอาการจุกเสียด ปวดท้อง ในบางรายอาจจะมีอาการท้องเสียทันที
กล้วย
กล้วยก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คุณไม่ควรทานยามท้องว่าง เนื่องจากธาตุแมกนีเซียมในกล้วยจะเพิ่มปริมาณสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมในร่างการมากขึ้น และยังยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกแน่นหน้าอก
ลูกพลับ

ผลไม้มากคุณค่า รสชาติหอมหวาน แต่หากทานยามท้องว่างจะทำให้คุณมีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ หรือบางรายอาจจะเกิดแผลในกระเพาะได้เลยละค่ะ  เพราะสารอาหารในลูกพลับจะช่วยเร่งให้กระเพาะผลิตกรดเกลือมากจนเกินไป หากกรดรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับจะทำให้คุณมีอาการดังกล่าวค่ะ
น้ำตาลหรือของหวาน
หลายๆ ครั้งที่คุณรู้สึกอ่อนเพลีย คุณจะหาเครื่องดื่มหรือของหวานมาทานให้หายจากอาการอ่อนเพลีย หากคุณรับประทานตอนท้องว่างอาจจะทำให้คุณรู้สึกเพลียมากกว่าเดิมได้ค่ะ เพราะความหวานทำให้โปรตีนกับน้ำตาลรวมตัวกัน ส่งผลให้ร่างกายดูดโปรตีนทุกชนิด รวมถึงโปรตีนที่ไม่จำเป็นด้วยค่ะ ซึ่งจะทำให้สมรรถภาพการทำงานของไตและการหมุนเวียนเลือดลดลง
น้ำชา
ความเข้มข้นของชาจะทำให้กรดเกลือในกระเพาะที่ยังว่างอยู่เจือจาง จะทำให้ระบบย่อยอาหารลดลงอาจจะทำให้คุณมีอาการใจสั่น วิงเวียนศรีษะ มือเท้าอ่อนแรง หากใครที่ชอบทานชาเข้มข้นละก็แนะนำให้หาของว่างรับประทานคู่กันจะดีกว่าค่ะ
กระเทียม
กระเทียมก็เป็นอีกอย่างที่มีคุณค่าทางโภชณาการ เช่น ช่วยลดคอลเรสเตอรอลในร่างกาย ฯลฯ แต่หากทานในขณะที่ท้องว่างละก็ กระเทียมจะกระตุ้นระบบย่อยอาหารมากเกินความจำเป็นซึ่งทำให้เยื่อบุกระเพาะอักเสบอย่างรุนแรงได้
 
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ส่งผลเสียให้ร่างกายโดยตรงไม่ว่างจะอิ่มหรือท้องว่าง แต่จะส่งผลกระทบรุนแรงกว่าหากคุณทานในขณะที่ท้องว่าง แอลกอฮอล์จะกระตุ้นและทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผลและอักเสบได้

เห็นไหมละคะอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการบางอย่างถ้าทานไม่ถูกเวลาละก็ อาจจะส่งผลเสียในร่างกายได้มากมายเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การทานผลไม้มื้อเข้าแทนข้าวจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารระหว่างวันทำงานได้ดีขึ้นค่ะ เพราะในผลไม้มีเอมไซม์ที่เป็นประโยชน์และย่อยตัวเองได้ นอกจากนี้ร่างการยังดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ จากผลไม้ได้อย่างเต็มที่และข่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหารได้ดีอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ควรเลือกผลไม้ที่มีกากใยอาหารด้วยนะค่ะ

เคล็ดลับสร้างเสน่ห์ให้ทรวงอก



        วันนี้เอาใจสาวๆ ด้วยเคล็ดลับการสร้างเสน่ห์ให้กับทรวงอก ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทำอย่างไรไปติดตามกันเลยค่ะ
นวด
ให้สาวๆ ใช้มือนวดบริเวณหน้าอกเบาๆ อาจจะนวดด้วยน้ำมัน ครีม หรือโลชั่นน้ำนมบำรุงผิวกาย ก็สามารถช่วยให้อกกระชับ และดูสวยขึ้นได้เช่นกัน
อาบน้ำ
เวลาอาบน้ำแนะนำให้ใช้น้ำเย็นทำความสะอาดบริเวณอก ควบคู่ไปกับการใช้ฝักบัวฉีดบริเวณหน้าอก แรงดันน้ำจากฝักบัวจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด และทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นไขมันกระชับตัวยิ่งขึ้นค่ะ

ยกทรง
ยกทรงมีผลกับทรวงอกของสาวๆ โดยตรง ดิฉันจึงอยากแนะนำวิธีเลือกซื้อยกทรง ควรเลือกซื้อยกทรงให้ได้ขนาดพอดีกับทรวงอกไม่ควรสวมให้แน่นเกินไป แนะนำว่าอย่าซื้อยกทรงในขณะที่คุณมีประจำเดือนเพราะช่วงนี้ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ทรวงอกของคุณจะขยายตัวใหญ่ขึ้น ส่วนสาวๆที่กำลังมีเจ้าตัวเล็กหรือต้องให้นมน้อง ให้คุณเลือกใส่ยกทรงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการหย่อนยานค่ะ
บริหารกล้ามเนื้อ
มั่นบริหารกล้ามเนื้อบริเวณทรวงอกเป็นประจำจะช่วยป้องกันการหย่อนยาน
อาบน้ำเวลาอาบน้ำที่คุณอาบน้ำแนะนำให้ใช้น้ำเย็นทำความสะอาดบริเวณอก ควบคู่ไปกับการใช้ฝักบัวฉีดบริเวณหน้าอก แรงดันน้ำจากฝักบัวจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด และทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นไขมันกระชับตัวยิ่งขึ้นค่ะ
ลดน้ำหนัก
อย่าลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำจนเกินไป  เพราะนอกจากจะมีส่วนทำลายสุขภาพแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานอีกด้วยค่ะ เป็นสาเหตุให้เกิดรอยแตกที่ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าอก แขน และหน้าท้อง
ควรปรับปรุงอิริยาบถในการเดิน นั่ง ยืดไหล่ ยืดหลังให้ผึ่งผาย เดินหลังตรง เพราะจะช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึง ดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากขึ้น

ใครอยากมีทรวงอกที่สวยมีเสน่ห์ ก็ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ...

2554-03-28

สวยด้วยวิธีกล้วยๆ

กล้วยถือเป็นผลไม้ไทยที่หาค่อนข้างง่ายทีเดียว นอกจากรสชาติถูกปากหลายๆคนแล้วกล้วยยังอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด ถือเป็นอาหารบำรุงผิวชั้นเยี่ยมเลยละค่ะ นอกจากนี้วิตามินบีในกล้วยยังช่วยบรรเทาอาการผมร่วงได้ด้วย และสารอาหารในกล้วยยังช่วยชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติได้อีกด้วยค่ะ
วันนี้ดิฉันมีสูตรดูแลผิวหน้าด้วยกล้วยมาบอกคุณถึง 3 วิธีด้วยกันค่ะ รับรองว่าง่ายเหมือนชื่อจริงๆค่ะ ไปดูทั้ง 3 วิธีกันเลยค่ะ 


วิธีที่ 1
พอกหน้าด้วยกล้วยหอมหรือกล้ายน้ำว้าบดผสมน้ำผึ้ง 15 นาที จะช่วยให้ผิวคุณนุ่มชุ่มชื้น ไร้ริ้วรอย
วิธีที่ 2
ใช้กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าบดผสมดินสอพอง พอกหน้าไว้ประมาณ 15นาทีจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าหมดจดและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสขึ้นค่ะ
วิธีที่ 3
กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าบดผสมนมสดประมาณ 1ช้อนชา พอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้ผิวหน้าของคุณกระชับและเติ่งตึงดูอ่อนกว่าวัยค่ะ

เป็นไงบ้างค่ะนอกจากรสชาติจะอร่อยแล้วกล้วยยังมีสรรพคุณเยอะแยะมากมายอีกด้วย สวยด้วยวิธีกล้วยๆ จริงๆค่ะ อย่าลืมลองนำไปใช้กันนะค่ะ  

ขจัดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม

ให้คุณนวดบริเวณที่เป็นผิวเปลือกส้มด้วยน้ำมันนวดผสมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบ อาจจะเป็นลาเวนเดอร์ , โรสแมรี่, เจอราเนี่ยม ฯลฯ แล้วแต่ความชื่นชอบของคุณเลยค่ะ ให้คุณนวดวันละ 2 ครั้งเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด    
ใส่น้ำมันหอมระเหยที่คุณเลือกสัก 2-3 หยด ลงในอ่างอาบน้ำ ถูนวดตัวด้วยฟองน้ำหรือบวบเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด น้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ผิวคุณเรียบเนียนนอกจากนี้ยังช่วยให้คุณผ่อนคลายจากความเครียดด้วยละค่ะ

โทนเนอร์ดอกกุหลาบทำเองสำหรับคนผิวแห้ง

           ถ้าจะพูดถึงผู้หญิงก็ต้องนึกถึงดอกไม้ ดิฉันเลยหาสูตรดูแลผิวด้วยดอกไม้ที่สาวๆ หลายๆ คนชื่นชอบกัน นั้นก็คือดอกกุหลาบค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรโทนเนอร์ทำเองง่ายๆ มาฝากคนที่มีผิวค่อนข้างแห้งกันค่ะ ส่วนผสมมีแค่กลีบดอกกุหลาบ 1 ดอกและนมสด 150 มิลลิลิตรเท่านั้นค่ะ  วิธีทำก็ไม่ยาก  ให้คุณเด็ดกลีบกุหลาบออกแล้วล้างให้สะอาด แล้วน้ำไปต้มในน้ำเปล่าในปริมาณเล็กน้อยค่ะ  หลังจากต้มกลีบกุหลาบแล้ว ให้คุณนำนมสดไปเคี่ยวจนเกือบเดือดแล้วราดลงไปในหม้อกุหลาบ ปิดฝาแล้วทิ้งไว้สักพัก รอให้น้ำส่วนผสมบางส่วนระเหย  ปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นให้คุณกรองส่วนผสมนั้นใส่ขวดแก้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว แค่นี้คุณก็ได้โทนเนอร์กุหลาบฝีมือคุณแล้วค่ะ นมจะช่วยดูแลผิวคุณให้อ่อนนุ่มชุ่มชื่น ส่วนกุหลาบมีคุณสมบัติช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดและที่สำคัญผิวคุณจะสวยเนียบอมชมพูดูมีสุขภาพดีด้วยค่ะ

วิธีทำให้สดชื่นหลังตื่นนอน

1.  เริ่มด้วยการดื่มแก้วใหญ่ๆ สัก 1 แก้ว อาจจะเป็นน้ำเปล่าหรือเป็นน้ำผลไม้สดก็ได้ค่ะ การดื่มน้ำนั้น เป็นการเติมน้ำให้กับร่างกาย หลังจากร่างกายของเราพักผ่อนมาทั้งคืน ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ก็ช่วยระบบขับถ่ายอีกด้วยนะคะ

2.  ยืดเส้นยืดสาย คลายกล้ามเนื้อส่วนต่าง  ภายในร่างกายสัก 5-10 นาที วิธีการนี้จะเหมือนกับการบิดขี้เกียจค่ะ เน้นการยืดในส่วนที่ต้อง ใช้บ่อย  ในการทำงาน 

3. 
การเปลี่ยนเครื่องดื่ม เลิกดื่มกาแฟแล้วหันมาดื่มชาขิง เพื่อช่วยการไหล เวียนของเลือด ทำให้ร่างกายอบอุ่น อีกทั้งช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ ดีขึ้น  หรือจะเป็นน้ำผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามินซึ่งช่วยระบบขับถ่ายและช่วยในเรื่องของผิวพันธ์ก็ได้ค่ะ

4. การรับประทานธัญพืช และอาหารที่มีโปรตีนบ้างในมื้อเช้า ลดอาหารจำพวก แป้ง การรับประทานอาหารในช่วงเช้านั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการเตรียม พร้อมให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวันค่ะ 

ลองนำไปใช้ดูนะคะ เพราะการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยร่างกายที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าจะช่วยให้กิจกรรมที่คุณต้องทำตลอดทั้งวันมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

ทารองพื้นอย่างไรให้หน้าเนียนใสเป็นธรรมชาติ

คุณเคยทราบหรือไม่ว่าการทารองพื้นที่ถูกต้องนั้นทำอย่างไร?  ถ้ายังไม่รู้ละก็ดิฉันมีวิธีทางรองพื้นแบบถูกวิธีมาบอกให้ค่ะ
ก่อนอื่นให้คุณกันเส้นผมจากใบหน้า อย่าให้ตกลงมาตรงหน้าผาก
หลังจากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าและลำคอ
 และทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ รอ 5 นาทีให้เนื้อครีมซึมสู่ผิว
ถ้าคุณใช้รองพื้นแบบแป้งเค้ก ให้เอาฟองน้ำชุบน้ำพอหมาด (ความเข้มข้นของเนื้อแป้งขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในฟองน้ำ)
ให้คุณใช้ฟองน้ำแตะเนื้อแป้งลงตามบริเวณใหญ่ ๆ (แก้ม/หน้าผาก/คาง) แล้วค่อย ๆ เกลี่ยแป้งให้เสมอกัน จนถึงลำคอ ถ้าใช้รองพื้นแบบครีม ให้ใช้นิ้วมือ เกลี่ยให้เรียบเบาๆ โดยเกลี่ยวนเป็นวงจากตรงกลางจนทั่วใบหน้า  
มีข้อแนะนำอีกนิดนึงค่ะคือ แป้งที่ใช้ควรเป็นชนิดใส ไม่มีสีเพื่อให้กลมกลืนกับรองพื้นเพราะการ ใช้แป้งที่มีสีเติมลงไปอีก จะไปบิดเบือนสีผิวจริงและทำให้ดูหลอก เพียงแค่นี้น่าคุณก็ดูสวยใสไม่หลอกตาแล้วละค่ะ ลองนำไปใช้กันดูนะค่ะ

2554-03-27

กรีดอายเลเนอร์แบบโปร

Tips ง่ายๆ กรีดอายไลเนอร์ยังไงให้สวยเฉี่ยว

1. สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งหัดเขียนอายไลเนอร์และมือยังใหม่ไม่นิ่งพอ เวลาเขียนควรให้ปลายคางทำมุม 45 องศา กับกระจกจะทำให้เขียนง่ายขึ้นค่ะ
2. เวลาเขียนเราอาจจะเริ่มจากปลายตาหรือหางตาก่อนก็ได้ โดยมีเทคนิคในการเขียนคือ ให้ทำเส้นประที่ขอบตามทีละนิด ๆ โดยเขียนให้เสมอเส้นประนั้นเชื่อมกัน พอมาถึงตรงหางตาก็กรีดอายไลเนอร์ทำองศากับปลายจมูกค่ะ
3. ถ้าต้องการให้อายไลเนอร์ดูหนามากขึ้น ก็เพิ่มเส้นประให้หนาขึ้นอีกชั้นน โดยอาจจะเลือกเขียนเป็นอายไลเนอร์สีสด ๆ เพิ่มความเปรี้ยงจี๊ดให้กับดวงตาของเราเก๋กู้ด เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชอบความเปรี้ยวเฉี่ยวเก๋ไม่เหมือนใครค่ะ
4. ระหว่างที่เขียนเส้นขอบตาไม่ควรลืมตาจนกว่าอายไลเนอร์ที่เขียนอยู่จะแห้งสนิทค่ะ แค่นี้ก็จะได้เส้นขอบตาที่คมกริบเนี้ยบสวยแบบง่าย ๆ แล้วล่ะค่ะ

Hot Tip
:: อาย ไลเนอร์ที่เหมาะกับสาวเอเชีย คือ สีดำ สีเทา สีน้ำตาล เพราะจะทำให้ตาของเราดูสว่างขึ้น และถ้าอยากให้ดูเปรี้ยงขึ้นก็อาจจะเลือกให้สีแนวล้ำสมัยอย่าง สีน้ำเงิน หรือสีเขียว ก็ได้ค่ะ
:: ควรเลือกเขียนอายไลเนอร์จากด้านที่ไม่ถนัดก่อน เรายังสามารถปรับข้างที่ถนัดให้ดูเท่ากับข้างที่ไม่ถนัดได้
:: ควรลงอายแชโดว์ก่อนเขียนอายไลเนอร์
:: พู่กันที่ใช้ทาอายไลเนอร์ ต้องเลือกแบบที่ขนชิดกันไม่แตกออก ต้องแนบรวมกันเป็นเส้นเดียว ขนแปรงต้องนุ่ม และหัวแปรงไม่หนามากจนเกินไปค่ะ
:: ถ้าจะเขียนขอบตาล่าง แนะนำให้ใช้อายไลเนอร์ชนิดครีม ดินสอเขียนขอบตา หรือแบบเจลค่ะ

ควรดื่มน้ำตอนไหนบ้างมาดูกัน

ถ้าพูดจะถึงการดื่มน้ำนอกจากจะทําให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังทําให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายของคุณทํางานได้ดีอีกด้วย ในทุกๆ วันร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่ายตลอดเวลาค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไปค่ะ
โดยปกติเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะเฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ลิตร และอีกเกือบถึง 1 ลิตรจากการหายใจและเหงื่อค่ะ ซึ่งถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือประมาณ 8 แก้ว ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้ค่ะ แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแล้ว ถ้าเป็นหนุ่มๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร หรือประมาณ 13 แก้วต่อวันค่ะ ส่วนสาวๆ วันละ 2.2 ลิตร หรือประมาณ 9 แก้วต่อวันค่ะ แต่สาวๆคนไหนที่เป็นสปอตเกิร์ลละก็ คุณต้องดื่มน้ำให้เยอะกว่าคนปกติค่ะ ถ้าเป็นการออกกำลังกายในระยะเวลาสั้นๆ ควรดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปครั้งละ 1-2 แก้วหลังจากเสร็จกิจกรรมค่ะ ถ้าเป็นช่วงยาวๆ ควรเพิ่มอีกสัก 2-3 แก้วก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
ดื่มตอนไหน เวิร์คสุดๆ
ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
9:00-10:00 โมงเช้า 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มมีของเสียค่ะ เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไปค่ะ
13:00-14:00 น. 3 แก้ว
19:00-20:00 น. 3 แก้ว
สุดท้ายก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้นค่ะ
นอกจากนี้คุณควรดื่มน้ำให้ถูกวิธีด้วยนะค่ะ เช่น อย่าดื่มน้ำเมื่อหิว แต่ให้หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ  ให้น้ำค่อยๆ  ซึมเข้าร่างกาย และอย่าดื่มน้ำพรวดเดียวจนมากเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักในการขับปัสสาวะออก ที่สำคัญควรดื่มน้ำก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังทานอาหารใหม่ๆ อย่าเพิ่งดื่มน้ำมากนักค่ะ ควรเว้นระยะเวลาประมาณ 40 นาทีจึงจะดื่มน้ำได้ตามปกติค่ะ  เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้มข้นพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญควรลด ควรหลีกเลี่ยง น้ำเย็น น้ำอัดลม  สุรา เบียร์ ด้วยนะค่ะ
สุขภาพที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรงจะอยู่คู่กับคุณไปอีกนาน หากคุณรู้จักดูแลตัวเองในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การ ดื่มน้ำที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เราลดความหิว กระหาย แต่ยังให้ความสดชื่นและช่วยบำบัดโรคต่างๆ ได้อีกด้วยนะคะ ยังไงก็ลองเอาเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการดื่มน้ำไปใช้กันดูนะคะ

ผ่อนคลายด้วยลาเวนเดอร์

ดิฉันมีวิธีผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์มาให้คุณ ที่อาจจะกำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ผ่อนคลายกันค่ะ  กลิ่นของลาเวนเดอร์จะช่วยบรรเทาอาการเครียด อาการปวดหัว นอนไม่หลับ คลายกังวนและอ่อนเพลีย
วิธีทำ
    ใช้ขวดที่มีหัวสเปรย์  ใส่น้ำเย็นลงไป 6-8 ช้อนโต๊ะ จากนั้นให้คุณเติมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ 2-4 หลดและเขย่า หลับตาแล้วฉีดพรมเบาๆ ที่ใบหน้า  สูดลมหายใจเข้าและออกลึกๆ  ช้าๆ  รวบรวมสมาธิให้กับงานตรงหน้า คุณจะรู้สึกผ่อนคลายด้วยวิธีนี้ค่ะ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ

ดวงตาอ่อนล้า


คุณเคยรู้สึกไหมเวลาที่คุณทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อ่านหนังสือหรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน แล้วรู้สึกว่าดวงตากำลังอ่อนล้า  วันนี้ดิฉันมีวิธีเพิ่มความสดใสให้ดวงตามาบอกค่ะ

วิธีทำให้ดวงตาสดใส
- สวมแว่นกันแดด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกจากการสะสมของอัลตราไวโอเลต

- พักดวงตา โดยใช้ฝ่ามือปิดตานานอย่างน้อยหนึ่งนาทีทำซ้ำวันละ 4 ครั้ง
- คืนความสดชื่นให้ดวงตาด้วย การฉีดพรมน้ำอุ่น
ที่เปลือกตา 20 ครั้ง ตามด้วยน้ำเย็นอีก 20 ครั้ง
- ลองกินบิลเบอร์รีสกัด ช่วยชะลอโรคต้อกระจก
ถ้าตอนนี้คุณกำลังรู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้าอยู่ละก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้นะคะ

หลับสบายด้วยกีวี

 มีการวิจัยออกมาว่าการทานกีวีก่อนนอนวันละ 2 ผล จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น คนที่ทำการทดลองยังบอกอีกว่านอกจากนอนหลับสบายขึ้นแล้วยังช่วยไม่ให้ตื่น ระหว่างการนอนหลับอีกด้วยค่ะ  นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการทานกีวีด้วยว่าถ้าหากใครไม่สะดวกในการปอก กีวี ให้ใช้วิธีผาเป็น 2 ซีก แล้วใช้ช้อนตักทาน

นวดหน้าด้วยน้ำผึ้ง

วันนี้ดิฉันมีสูตรดูแลผิวหน้าให้ ใส นุ่มนวลชุ่มชื่น มาฝากอีกแล้วละค่ะ  สูตรนี้มีส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่างค่ะ  แต่ผลที่ได้ออกมารับรองเจิดค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่า


ส่วนผสม
น้ำผึ้งบริสุทธิ์   1 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว       10 หยด
แตงกวาฝานบางๆ      1 ลูก


วิธีทำ
ให้คุณนำนำผึ้งและน้ำมะนาวที่เตรียมไว้มาผสมกัน  และนวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที  ครบ 15 นาทีแล้วให้คุณใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าเบาๆ  หลังจากนั้นให้เอาแตงกวาฝานมาวางไว้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้สักพักคุณจะรู้สึกเย็นชุ่มชื่นจากแตงกวาค่ะ  

2554-03-26

สมาธิบำบัด

สมาธิบำบัดถือเป็นศิลปะในการทำจิตใจให้สงบอย่างหนึ่ง การฝึกสมาธิเป็นวิธีการปลอดปล่อยความเครียด  ทำให้ผ่อนคลายลงการบำบัดแบบโยคะก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการฝึกสมาธิ คนเอเชียนิยมฝึกนั่งสมาธิกัน โดยในพระพุทธศาสนามีการทำสมาธิแบบกำหนดลมหายใจ เรียกว่าอานาปานสติ
นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบว่าสมาธิมีผลต่อการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ และความดันเลือดด้วยละค่ะ  มาดูประโยชน์ของสมาธิกันค่ะ
- ทำให้ใจเย็น เผชิญเหตุการณ์เฉพาะหน้าและแก้ไข้ปัญหานั้นได้อย่างมีสติ
- ช่วยทำให้ความจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
- ส่งผลดีโดยตรงด้านสุขภาพ เช่น รักษาโรคไมเกรน นอนไม่หลับ ความดัน เป็นต้นค่ะ

เมื่อทราบประโยชน์ของการทำสมาธิกันแล้วก็อย่าลืมทำสมาธิกันเยอะๆ นะค่ะ เพื่อตัวคุณเองค่ะ นี่คงเป็นวิธีนึงที่ช่วยทำให้คุณดูสวยมาจากข้างในค่ะ

2554-03-25

อาบน้ำสูตรคลีโอพัตรา

หลังจากเหนื่อยล้าจากการทำงานแล้ว ก็มาให้รางวัลตัวเองกันด้วยการอาบน้ำด้วยสูตรไฮโซๆ แต่ง๊ายยง่าย กันดีกว่าค่ะ  ทำไมถึงไฮโซก็แหม...สูตรนี้เป็นสูตรของคลีโอพัตตราเชียวหนะ แถมยังมีเรื่องกล่าวขานกันว่าเป็นสูตรที่คลีโอพัตตราโปรดปรานด้วยนะค่ะ  ว่าแล้วก็ไปดูขั้นตอนกันเลยดีกว่า ขอบอกว่าง๊ายง่ายค่ะ..
1 เทน้ำอุ่นลงในอ่างอาบน้ำ
2 เติมนม ประมาณ 1 ลิตร ลงในอ่าง(นมผง 1 ปอนด์)
3 สร้างบรรยากาศด้วยการเปิดไฟสลัวๆ และจุดเทียนไข หรือถ้าจะให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้นดิฉันแนะนำเทียนหอมเลยค่ะ อ่ะ!เพิ่มบรรยากาศอีกสักนิดด้วยการเปิดเพลลงคลอเบาๆ เพื่อกล่อมอารมณ์
4 โปรยกลีบกุหลาบลงในน้ำเพิ่มสีสันและกลิ่นหอม
5 ปล่อยตัวจมลงไป สูดลมหายใจลึกๆ อย่างผ่อนคลายขณะแช่ในน้ำ

สูตรนี้จะช่วยให้คุณมีผิวที่เนียนและนุ่ม จากกรดแล็กติกในนม และยังรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นเทียนหอมและกลิ่นกุหลาบด้วยค่ะ    อย่าลืมนำสูตรนี้ไปให้รางวัลตัวเองกันนะค่ะ

ลดสิวด้วยสตรอเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าค่อนข้างมันค่ะ  อุดมไปด้วยวิตามิน มีกรดอ่อนๆ ช่วยสมานผิว ช่วยลดจุดด่างดำ กระชับรูขุมขน ช่วยปรับสภาพผิวนอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทำให้ไม่แก่ก่อนวัยด้วยละค่ะ พร้อมแล้วก็ไปดูสูตรปราบสิวกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
สตรอเบอร์รี่           7-8 ลูก
น้ำผึ้ง                      1 ช้อนโต๊ะ
นมผงขาดมันเนย   (หางนม) เล็กน้อย

วิธีทำ   ล้างสตรอเบอร์รี่ให้สะอาดแล้วบดให้ละเอียดใส่น้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน หากส่วนผสมเหลวเกินไปให้เติมนมขาดมันเนยทีละน้อย ค่อยๆ คนให้ส่วนผสมเข้าข้นพอที่จะพอกหน้าได้ หลังจากนั้นให้คุณล้างหน้าให้สะอาด พอกส่วนผสมให้ทั่วใบหน้า เว้นขอบตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งทาหน้าด้วยน้ำยาสมานผิว แล้วทาครีมบำรุงผิวตามปกติได้เลยค่ะ

สูตรบำรุงผิวด้วยผลไม้

กรดในผลไม้จากธรรมชาตืเป็นสารอาหารที่ดีมากสำหรับผิวคนเราค่ะ กรดผลไม้ช่วยทำความสะอาดและสมานผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวบนใบหน้าของคุณดูนุ่ม และดูสดใสขึ้นค่ะ ดิฉันมีเคล็ดลับ AHA ธรรมาชาติบำรุงผิวหน้ามาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกแล้วค่ะ พร้อมแล้ว ไปดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
ข้าวโอ๊ตบดหยาบๆ                               2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดแอลมอนด์บดละเอียด                   1 ช้อนโต๊ะ
น้ำแอ๊ปเปิ้ลสด                                       2 ช้อนชา
น้ำองุ่นสด                            2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสับปะรดสด                       1 ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ต รสธรรมชาติ                 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำชาเขียว                                             2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ    ผสมข้าวโอ๊ต เม็ดแอลมอนด์ น้ำผสมไม้และโยเกิร์ต คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันค่อยๆรินน้ำชาเขียวใส่ทีละน้อยจนขนพอที่จะสามารถนำมาทาหน้าได้ 
                จากนั้นให้คุณล้างหน้าให้สะอาด ใช้ส่วนผสมทั้งหมดที่ผสมไว้ค่อยๆนวดที่หน้าเบาๆ เป็นวงกลมจากล่างขึ้นบน โดยเว้นบริเวณขอบตาและริมฝีปาก  ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  ทำแบบนี้ซ้ำๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง  คุณสามารถเก็บส่วนผสมนี้ไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ   เท่านี้หน้าคุณก็นุ่มสวยเนียนและใสเปล่งปลั่งได้และละค่ะ

คอนดิชั่นเนอร์โปรตีนไข่คุณก็ทำได้

คราวที่แล้วดิฉันได้บอกอาหารบำรุงเส้นผมไปแล้ว วันนี้ดิฉันเลยสูตรหมักผมด้วยโปรตีนไข่มาฝากคุณสาวๆ กันค่ะ ส่วนผสมมีอยู่แค่ 3 อย่าง วิธีการก็ง่ายแสนง่ายลองทำกันดูนะค่ะ ..
ส่วนผสม
ไข่แดง
น้ำมันมะกอก
น้ำอุ่น
วิธีทำ  ตีไข่ให้แตกจกฟูจากนั้นใส่น้ำมันมะกอกลงไปตีให้เข้ากันแล้วใส่น้ำอุ่นตามตีให้เข้ากันอีกครั้ง  หลังจากนั้นก็สระผมเลยค่ะ สระผมเพื่อล้างสิ่งสกปรกออก  แล้วชโลมครีมนวดที่เราทำไว้เมื่อกี้ชโลมให้ทั่วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น   และสระอีกครั้ง   เพียงเท่านี้ผมคุณก็นุ่มสวยมีน้ำหนักแล้วละค่ะ    สำหรับสาวๆบางคนที่มีผมแตกปลายด้วยคุณสามารถใส่น้ำผึ้งผสมไปได้ด้วยค่ะ แต่อาจจะใช้เวลาในการหมักนานขึ้นค่ะ

2554-03-16

อาหารบำรุงเส้นผม

 ผมที่เป็นประกายเงางาม มีน้ำหนัก อยู่ทรง แข็งแรงตลอดเส้นไม่หักขาดแตกปลาย เป็นผลิตผลมาจากได้สารอาหารบำรุงที่พอเพียงเหมาะสม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดี
เส้น ผมเป็นส่วน ประกอบของร่างกายที่คนเราหวงแหนและให้ความใส่ใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ที่แน่ๆ เส้นผมยังเหมือนเป็นอาภรณ์ธรรมชาติของร่างกายที่มีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์หน้า ตาของคน เรามากที่สุดด้วย ดังนั้นเส้นผมจึงมักจะถูกจับปรับแต่งอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะดัด ย้อม โกรก ซอย กัดสี อบ เป่า สารพัด เพื่อให้ได้ทรงใหม่ๆ เสริมความแปลกตาให้กับใบหน้า และเมื่อเส้นผมได้รับการปรุงแต่งอยู่เรื่อยๆ เส้นผมที่เคยดีก็ถึงกาลเสียสภาพ เพราะถูกสารเคมีต่างๆ ทำลายอยู่เรื่อยๆ
สารอาหารจำเป็นที่เส้นผม ต้องการ ได้แก่
  • 1. อาหารโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ธัญพืช นมพร่องมันเนย ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เหมาะสำหรับเส้นผมที่อ่อนแอ และคนที่ผมงอกช้า
  • 2. อาหารแคลเซียมสูง เช่น อาหารทะเล สาหร่าย นม กระดูกอ่อน กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย ช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา
  • 3.วิตามินเอ บำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ได้จากส้ม มะเขือเทศ แครอท ผักโขม
  • บรอกโคลี่ มันฝรั่ง มะละกอ แคนตาลูป ผัก ผลไม้สีเหลือง แดงทั้งหลาย เป็นต้น
  • 4. วิตามิน บี ช่วยขับน้ำมันธรรมชาติหล่อเลี้ยงทำให้เส้นผมมีความชุ่มชื่นไม่แห้งกรอบ มีมากในอาหารประเภท ซีเรียล ตับ ปลา ไข่ มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ และกล้วย ฯลฯ
  • 5. วิตามินซี ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์รากผมได้มี
  • ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วิตามินซีมีมาก ในผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลาย เช่น มะม่วงดิบ ฝรั่ง มะขาม ส้ม สตรอเบอร์รี่ ผักใบเขียวต่างๆ
6. ทางที่ดีที่สุดในการที่เส้นผมของ คุณดูเป็นประกายเงางาม คือคุณต้องได้รับวิตามินอีที่พอ เพียง ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง ถั่ว เกาลัด พืชเมล็ดเปลือกแข็ง จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี แร่ธาตุจำเป็นต่างๆ ที่สำคัญต่อระบบการทำงานและโครงสร้างของเส้นผม เพื่อสุขภาพผมที่แข็งแรง…
  • สังกะสี ได้แก่ อาหารประเภทสัตว์ปีก ถั่วทุกชนิด น้ำมันพืช น้ำมันงา จมูกข้าวสาลี
  • ทองแดง ในถั่วเมล็ดแห้ง อาหารทะเล ธัญพืช ลูกพรุน
  • เหล็ก ในตับ ไข่แดง ข้างโอ้ต ผลไม้แห้ง ผลไม้แห้ง เนื้อแดง
  • ไอโอดีน ในอาหารทะเล สาหร่าย
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง.. .เพื่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
การ ที่เส้นผมจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เจ้าของเส้นผมต้องรับประทานอาหารให้ครบหมู่ และมีความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงอาหารที่จะส่งผลเสียกับเส้นผมด้วยได้แก่
  • อาหารประเภทที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อติดมัน เนย กะทิ อาหารทอด น้ำมันหมู ช็อคโกแลต เพราะจะทำให้หนังศีรษะมีน้ำมันส่วนเกินออกมากเกินไป จนอาจจะทำให้ผมมัน และหลุดร่วงง่าย และอาจเกิดสิวขึ้นบนหนังศีรษะได้ด้วย ยิ่งเมื่อโดนฝุ่นควันมากๆ มาเกาะกับเส้นผมก็ยิ่งทำให้สกปรก และเกิดการอักเสบขึ้นได้
  • แอลกอฮอล์ เพราะจะขัดขวางการดูดซึมอาหารในร่างกาย หรือถ้าดื่มมากๆ ก็จะทำให้ไม่อยากอาหาร เมื่อรับประทานอาหารไม่ลงก็ทำให้ขาดสารอาหาร เส้นผมก็ขาดสารอาหารไปด้วย
อาหารบำรุงผม 5 ชนิด คือ แซลมอน ผักสีเขียว ถั่วเปลือกแข็ง ไข่ โฮลเกรน ซึ่งอุดมด้วย อัลฟ่า-ไลโนเลนิก โอเมกา-3 ธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินบี 12 ช่วยให้สภาพผมของกลุ่มทดลอง 100 คนที่กินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี มีปัญหาผมหงอก แตกปลาย และผมแห้ง น้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพื่อ เส้นผมสวยสมบูรณ์แข็งแรง อย่าลืมดูแลทั้งจากภายในสู่ภายนอก เพราะเส้นผมเป็นสมบัติส่วนตัวที่ต้องการการบำรุงและหวงแหนเอาไว้ให้ดีๆ ค่ะ

2554-03-09

ควรทำอย่างไรเมื่อต้องอดนอน

1. เวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ซึ่งทำให้เกิดความเครียดควรทานข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า


2.ถึงกลางคืนจำเป็นต้องเติมพลังงานให้กับตัวเอง เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้นจะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์

3.ควรนอนทันทีหลังจากเสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี

4..ไม่ควรแก้ง่วงด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก

5.ตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินดังที่ได้กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ